ปกขอวีซ่าอเมริกาอย่างไรให้ผ่านในครั้งเดียว

ขอวีซ่านักเรียน อเมริกาอย่างไรให้ผ่านภายในครั้งเดียว

ขอวีซ่านักเรียน อเมริกาอย่างไรให้ผ่านภายในครั้งเดียว

แชร์:

การยื่นขอวีซ่านักเรียนของประเทศอเมริกานั้น อาจมีหลายขั้นตอนและมีการเตรียมเอกสารที่เยอะเยะไปหมด แต่บอกเลยว่าถ้าทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ การผ่านวีซ่านักเรียนของประเทศอเมริกาเป็นเรื่องง่ายแน่นอน

ขอวีซ่านักเรียน อเมริกาอย่างไรให้ผ่านภายในครั้งเดียว

 ทำไมต้องทำ USA VISA แล้ววีซ่า มีกี่แบบที่ใช้สำหรับการไปเรียนต่อต่างประเทศ ?
เพราะ บุคคลต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาจะต้องมีวีซ่าไม่ว่าจะเป็นวีซ่าชั่วคราวสำหรับการพำนักในประเทศแบบชั่วคราว หรือวีซ่าถาวรสำหรับการย้ายถิ่นฐานถาวรก็ตาม


วีซ่ามีแบบไหนบ้าง
 B1/B2
วีซ่านักธุรกิจหรือท่องเที่ยว B-1/B-2 วัตถุประสงค์ของการเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกานั้นเป็นการไปแบบชั่วคราวเช่น เพื่อธุรกิจ การพักผ่อน โดยจะอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือนนับแต่เข้าประเทศ จะมีอายุตั้งแต่ ตามเวลาที่ขอเข้าประเทศหรือ ไม่เกิน 10 ปี

F1
วีซ่า F-1 วีซ่าประเภทนี้เป็นวีซ่าหลักที่ออกให้แก่นักเรียน ในกรณีที่ท่านต้องการเข้าเรียนในสหรัฐอเมริกาตามสถานศึกษาที่ผ่านการรับรองแล้ว จะมีอายุตั้งแต่ ตามเวลาที่ขอเข้าศึกษาหรือ ไม่เกิน 5ปี

 J1
วีซ่าประเภท J ของโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนหรือผู้เข้ารับการฝึกงานภาคปฏิบัติตามบริษัท สถาบัน และหน่วยงานต่างๆ 

“วันนี้จะมาตีแผ่การขอวีซ่านักเรียนของประเทศอเมริกา แบบทุกขั้นตอน”

เอกสารต้องที่ใช้ยื่นคำร้องทำวีซ่าในการยื่นคำร้องทำวีซ่านั้น จะต้องทำการเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้ให้พร้อม เพื่อเตรียมรอนัดสัมภาษณ์กับทางสถาณทูตอเมริกา

  1. ใบคำร้องขอวีซ่าชั่วคราว(DS-160) ซึ่งจะต้องกรอกให้เรียบร้อยและ การกรอกข้อมูลในเอกสาร DS-160 นี้เป็นข้อมูลที่ท่านทูตใช้ร่วมในการพิจรณาในการให้วีซ่าผ่านหรือไม่  คู่มือ DS-160
  2. หนังสือเดินทางที่สามารถใช้เดินทาง(Passport)โดยต้องมีอายุใช้งานคงเหลือมากกว่าระยะเวลาที่ท่านตั้งใจจะอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างน้อย 6 เดือน 
  3. รูปถ่ายขนาด 2×2″ (5 ซม.x5 ซม.) ที่ถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือน 1 ใบ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดที่ลิ้งนี้ได้เลย  ซึ่งรูปดังกล่าวจะเป็นรูปที่ติดกับวีซ่าของเราหากวีซ่านั้นผ่านนะคะ 
  4. ใบเสร็จชำระเงินค่าธรรมเนียมวีซ่าชั่วคราวในสกุลเงินท้องถิ่นที่เทียบเท่ากับ $160(ประมาณ 5,600บาท) โดยค่าธรรมเนียมนี้ไม่สามารถขอคืนได้ 
  5. แบบฟอร์ม I-20 ที่มีลายเซ็บรับรองจากทางโรงเรียนโดยทาง ABROADY ส่งให้คะ
  6.   เอกสารด้านการเงินและเอกสารอื่นๆที่จะช่วยสนับสนุนใบคำร้องของท่าน รายละเอียด


เมื่อเตรียมเอกสารพร้อมยื่นสมัครแล้ว มาสมัครวีซ่ากันเลย (วิธีการยื่นวีซ่านักเรียน)
กรอกใบยื่นคำร้องขอวีซ่า DS-160 ที่นี้ ท่านต้องพิมพ์ใบยืนยันแบบฟอร์ม DS-160 และต้องนำมายื่นในวันสัมภาษณ์


“ข้อมูลในส่วน DS-160 จะประกอบในการพิจรณาว่าผู้สมัครยื่นวีซ่ามีคุณสมบัติตามเกณฑ์ผ่านการได้รับวีซ่าหรือไม่”


 ข้อมูลการกรอก วีซ่าจะแบ่งออกเป็นส่วนดังนี้  โดยการกรอกข้อมูลในแต่ละส่วนนั้นจะต้องถูกต้องและครบถ้วนสมบูรณ์ 

 Personal Informationในส่วนการตอบข้อมูลส่วนตัวนั้นจะต้องกรอกให้ครบถ้วนและถูกต้องโดยเฉพาะการสะกดเพราะจะเป็นฐานข้อมูลในการเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในส่วนนี้จะมีให้เติมข้อมูล ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร รวมถึงข้อมูล Passport ซึ่งจะต้องตรงการข้อมูล Passport ที่เป็นเล่มปัจจุปันที่ใช้ในการเดินทาง

 Travel Informationข้อมูลในส่วนการเดินทางนี้ จะเป็นการใส่ข้อมูลที่พัก หรือโรงเรียนที่นักเรียนได้ทำการติดต่อไว้แล้วเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าได้มีการว่างแผนการเดินทางครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงในส่วนนี้จะมีให้กรอกรายละเอียดในส่วนของผู้ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้ด้วย หรือ Sponsor นั้นเอง

 US Contactข้อมูลส่วนนี้หากนักเรียนได้ติดต่อกับทางโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยเอาไว้แล้วให้ใส่ข้อมูลของทางโรงเรียนไปได้เลยคะ 
 Family Informationข้อมูลในส่วนของครอบครัวนั้นถ้าสามารถกรอกให้ครบได้จะดีมากเลยคะ แต่ถ้ามีข้อมูลบางส่วนที่ไม่ทราบก็เว้นไว้ได้นะคะ

 Work/ Education/Training informationข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลการศึกษาและการทำงานนั้น เป็นส่วนข้อมูลที่สำคัญมากในการนำมาพิจรณา เพราะวีซ่าที่ขอคือวีซ่านักเรียนดังนั้นการพิจรณาจึงเชื่อมโยงกับ ข้อมูลการศึกษาเก่า ชื่อสถาบัน ผลการศึกษา รวมไปถึงอาชีพการทำงาน ซึ่งข้อมูลการทำงานมีผลอย่างมากในการพิจรณา
เพราะฉะนั้น การเขียนอธิบายหน้าที่การทำงานมีผลอย่างมาก หากสามารถอธิบายถึงความสัมพันธ์ในหน้าที่การงานกับเหตุผลที่ต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศจะทำให้การพิจรณาครั้งนี้มีความน่าจะเป็นที่จะผ่านได้แต่ก็ขึ้นอยู่กับเหตุผล หลักฐานด้านอื่นๆที่จะแสดงให้เห็นว่า

“ มีเหตุผลที่แสดงให้เห็นว่าจะกลับมาประเทศไทยและมีเหตุผลในการไปเรียนต่อ” 
 Security and Background Informationในส่วนนี้จะเป็นคำถถามที่ให้ตอบ ใช่ หรือ ไม่ใช่ ซึ่งคำถามส่วนใหญ่จะเป็นคำถามด้านความปลอดภัยและอาชญกรรมซึ่ง ต้องตอบ ไม่ หรือ NO ทั้งหมด
 SEVIS informationในส่วนสุดท้ายนี้จะเป็นข้อมูลที่อยู่ในเอกสาร SEVIS ซึ่งจะเป็นเอกสารที่ทางโรงเรียนส่งมาให้โดยจะมีทั้ง SEVIS ID และข้อมูลโรงเรียนซึ่งต้องกรอกให้ครบถ้วนและถูกต้องนะคะ
เมื่อกรอกข้อมูลใน DS-160 เรียบร้อยแล้วนั้นให้ตรวจสอบข้อมูลและตัวอักษรให้เรียบร้อยว่าถูกต้องและครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่

หลังจากนั้นคลิ๊กยืนยันและจะได้รับเป็นหน้า DS-160 Confirmation ออกมาซึ่งให้ปริ้นหน้า ยืนยันดังกล่าวออกมาเพื่อนำไปในวันสัมภาษณ์ด้วย จะปริ้นเป็นเป็นสีหรือขาวดำก็ได้

เคล็ดลับการกรอก DS-160

  • สถานทูตหรือสถานกงสุลที่เลือกในแบบฟอร์ม DS-160 จะต้องเป็นสถานทูตหรือสถานกงสุลเดียวกับที่จะทำนัดไปสัมภาษณ์วีซ่า
  • ต้องตอบคำถามทุกข้อเป็นภาษาอังกฤษโดยใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษเท่านั้น 
  • หากพักการกรอกใบสมัครเกิน 20 นาที ระบบจะแจ้งเตือนว่าหมดเวลา จะต้องเริ่มกรอกใหม่ตั้งแต่ต้น 
  • ดังนั้นต้องจดหมายเลขใบสมัครของไว้จากมุมขวาบนของหน้าจอ  เมื่อปิดเบราว์เซอร์ก่อนยื่นใบสมัครให้ใช้หมายเลขนี้เพื่อกรอกใบสมัครต่อภายหลัง
  • เมื่อกรอกแบบฟอร์ม DS-160 เสร็จสมบูรณ์ ระบบจะสร้างหน้าจอยืนยันซึ่งมีบาร์โค้ดที่ประกอบด้วยทั้งตัวอักษรและตัวเลข ให้สั่งพิมพ์หน้านี้ และนำเอกสารนี้ติดตัวมาในวันสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาด้วย
  • เมื่อผู้สมัครสั่งพิมพ์เอกสารยืนยันที่มีบาร์โค้ดแล้ว ให้กดปุ่ม “ย้อนกลับ” บนเว็บเบราว์เซอร์ และส่งสำเนาของหน้ายืนยันแบบฟอร์ม DS-160 ไปเก็บไว้ที่อีเมลส่วนตัวของท่าน ไฟล์ที่ท่านส่งอีเมลนั้นจะเป็นไฟล์ PDF 


หลังจากได้รับหน้ายืนยัน DS-160 แล้ว เข้าเว็บไซต์นี้ เพื่อสร้างโปรไฟล์ของนักเรียนโดยใช้อีเมลส่วนตัวของผู้สมัครเองกรอกข้อมุลของนักเรียนให้ถูกต้องและครบถ้วน โดยชื่อที่ผู้กรอกจะต้องตรงตามชื่อภาษาอังกฤษที่ปรากฏอยู่บนหนังสือเดินทางของนักเรียน และ เลขยืนยัน DS-160 จะต้องตรงกับใบยืนยัน DS-160 ที่จะนำไปในวันสัมภาษณ์

หลังจากสร้างโปรไฟล์ในเว็บไซต์นี้ให้เรียบร้อยแล้วจะได้มาถึงขั้นตอน ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า (เป็นสกุลเงินบาท) ผ่านทางระบบออนไลน์ หรือ ชำระด้วยเงินสดที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (สำหรับการชำระค่าธรรมเนียมด้วยเงินสด)รายละเอียด

ซึ่งให้กรอกข้อมูลตามนี้ลงบนใบชำระเงิน ตามตัวอย่างดังนี้ 

เมื่อชำระค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้วท่านจะได้รับอีเมลแจ้งกลับหลังจากเที่ยงวันทำการถัดไป (หากชำระด้วยเงินสด) หรือภายในสองวันทำการ (หากชำระผ่านระบบออนไลน์แบงก์กิ้ง)แล้วทำการนัดสัมภาษณ์ได้เลย

 เมื่อท่านเลือกทำนัดสัมภาษณ์ผ่านระบบเรียบร้อยแล้ว ให้ท่านยื่นเอกสารต่อไปนี้ในวันสัมภาษณ์

  • ใบยืนยันนัดสัมภาษณ์ 
  • ใบยืนยันแบบฟอร์ม DS-160 
  • หนังสือเดินทางปัจจุบันและเล่มเดิมทั้งหมดที่เคยมี
  • รูปถ่ายขนาด 2×2″ (5 ซม.x5 ซม.) ที่ถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือน 2 ใบ
  • ใบเสร็จการชำระค่าธรรมเนียมค่าธรรมเนียมวีซ่า
  • ใบเสร็จชำระ SEVIS Fee หรือที่เรียกว่า I-901
  • .เอกสาร I-20 ตัวจริงที่ส่งมาจากสถาบันศึกษา
  •  หนังสือรับรองโรงเรียน และ ทรานสคริปเทอมล่าสุดตัวจริง เป็นภาษาอังกฤษ
  • เอกสารประกอบการยื่นวีซ่าแต่ละประเภท (ถ้ามี) เช่น
  • หนังสือรับรองการทำงานหรือหนังสือทะเบียนพาณิชย์ (กรณีเป็นเจ้าของกิจการ)เป็นภาษาอังกฤษ
  • สเตทเม้นท์ย้อนหลัง 6 เดือน (ทุกบัญชีที่มีการเคลื่อนไหว)
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาใบสูติบัตร
  • เอกสารของ(ผู้สนับสนุนและตนเอง)

1. สำเนาบัตรประชาชนของผู้ปกครอง2. หนังสือรับรองการทำงานหรือหนังสือทะเบียนพาณิชย์ (กรณีเป็นเจ้าของกิจการ)3. สเตทเม้นท์ย้อนหลัง 6 เดือน (ทุกบัญชีที่มีการเคลื่อนไหว)4. หลักทรัพย์ เช่น โฉนดที่ดิน , พันธบัตร*เอกสารหลักฐานทั้งหมดแปลเป็นภาษาอังกฤษ 
“เมื่อถึงขั้นตอนการสัมภาษณ์วีซ่าเตรียมเอกสารท่ีใช้ยื่นในวันสัมภาษณ์ให้พร้อม”


ในการเดินทางไปสัมภาษณ์ที่ สถานทูตสหรัฐอเมริกา สามารถไปสัมภาษณ์ได้ทั้งที่ สถานทูตสหรัฐอเมริกา กรุงเทพมหานคร หรือ จะเป็น สถานทูตสหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ ก็ได้ โดยมาถึงก่อนช่วงเวลานัดประมาณ 30 นาทีหรือมาก่อนหน้านั้นก็ได้คะ


ข้อควรปฏิบัติสำหรับวันนัดสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา

  1. ยื่นหน้ายืนยันแบบฟอร์ม DS-160 ให้กับเจ้าหน้าที่สถานทูต
  2. นำหนังสือเดินทาง หน้ายืนยันแบบฟอร์ม DS-160 ใบเสร็จชำระค่าธรรมเนียมสมัครวีซ่า และรูปถ่ายจำนวน 1 ใบซึ่งถ่ายไม่เกิน 6 เดือนและเอกสารต่างๆใส่ไว้ในแฟ้มให้เรียบร้อย
  3. สามารถนำโทรศัพท์มือถือมาได้เพียง 1 เครื่อง โดยไม่อนุญาตให้นำคอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้ว หรืออุปกรณ์ถ่ายภาพใดๆเข้ามาในสถานทูตฯ กรุณาหยิบโทรศัพท์มือถือและปิดเครื่องก่อนเข้าตัวอาคารเพื่อฝากไว้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
  4. และแต่งตัวให้สุภาพเรียบร้อยหากเป็นนักเรียนหรือนักศึกษาจะใส่ชุดยูนิฟอร์มของสถาบันมาเลยก็ได้



ตรวจสอบเอกสารในวันสัมภาษณ์อีกครั้งจะแบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ

  1. ชุดที่ยื่นให้เจ้าหน้าที่
  • ใบยืนยันนัดสัมภาษณ์ 
  • ใบยืนยันแบบฟอร์ม DS-160 
  • หนังสือเดินทางปัจจุบันและเล่มเดิมทั้งหมดที่เคยมี
  • รูปถ่ายขนาด 2×2″ (5 ซม.x5 ซม.) ที่ถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือน 2 ใบ
  • ใบเสร็จการชำระค่าธรรมเนียมค่าธรรมเนียมวีซ่า
  • ใบเสร็จชำระ SEVIS Fee หรือที่เรียกว่า I-901
  • .เอกสาร I-20 ตัวจริงที่ส่งมาจากสถาบันศึกษา
  •  หนังสือรับรองโรงเรียน และ ทรานสคริปเทอมล่าสุดตัวจริง เป็นภาษาอังกฤษ

2. ชุดที่เตรียมไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการแสดงตอนสัมภาษณ์

  • หนังสือรับรองการทำงานหรือหนังสือทะเบียนพาณิชย์ (กรณีเป็นเจ้าของกิจการ)เป็นภาษาอังกฤษ
  • สเตทเม้นท์ย้อนหลัง 6 เดือน (ทุกบัญชีที่มีการเคลื่อนไหว)
  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาใบสูติบัตร
  • เอกสารของ(ผู้สนับสนุนและตนเอง)
  • สำเนาบัตรประชาชนของผู้ปกครอง
  • หนังสือรับรองการทำงานหรือหนังสือทะเบียนพาณิชย์ (กรณีเป็นเจ้าของกิจการ)
  • สเตทเม้นท์ย้อนหลัง 6 เดือน (ทุกบัญชีที่มีการเคลื่อนไหว)

“เกิดอะไรขึ้นบ้างในการเข้าไปสถานทูตสหรัฐอเมริกา”

  • ในการเข้าสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกานั้นจะมีการพบกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 3 รอบ โดยรอบแรกจะเป็นการตรวจสอบเอกสารว่าครบถ้วนสมบูรณ์มั้ยพร้อมรับคิวในการเข้าโซนสัมภาษณ์ ซึ่งรอบนี้หากยังเรียงเอกสารไม่ถูกต้องจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและเรียงให้ครบถ้วน
  • ในรอบที่ 2 จะเข้าไปในอีกตึกกับรอบแรกและจะอยู่ในแถวเพื่อเข้ารอสัมภาษณ์กับทางท่านทูตโดยจะมีการถามเป็นภาษาไทย เช่น ขอวีซ่าอะไร เดินทางไปอยู่นานเท่าเท่าไร ซึ่งจะยังเป็นคำถามพื้นฐาน 
  • และในรอบสุดท้ายนี้ จะเป็นการถามโดยท่านทูตซึ่งจะเป็นผู้พิจรณากันตรงนั้นเลยว่าจะให้ผ่านวีซ่าหรือมั้ยซึ่งต้องบอกเลยว่า จะใช้ระยะเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น และหากเป็นการขอวีซ่านักเรียนด้วยแล้วส่วนใหญ่จะเป็นการสนทนาในภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นการดูว่าผู้ขอนั้นสามารถสื่อสารเบื้องต้นได้หรือไม่ 
  • และหากผู้ขอวีซ่านั้นมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์การขอวีซ่าเข้าไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาแบบชั่วคราว ท่านทูตก็จะเก็บPassportไว้เพื่อนำไปประทับ VISA นั้นเอง แต่ถ้าใครได้ Passport คืนมานั้นก็จะตามมาด้วยคำว่า เสียใจด้วยยังไม่ผ่านคะ

“หากผ่านวีซ่าและได้รับวีซ่าแล้วนักเรียนจะสามารถเดินทางเข้าประเทศอเมริกาได้ก่อนวันเริ่มเรียน 30 วันเพื่อปรับตัวนะคะ”

กฎระเบียบด้านการรักษาความปลอดภัย

  • ผู้ติดต่อสถานทูตฯทุกท่านต้องได้รับการตรวจรักษาความปลอดภัยตามขั้นตอนรักษาความปลอดภัยของสถานทูตฯ ท่านสามารถฝากโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ไว้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่หน้าประตู 
  • แต่สถานทูตฯและพนักงานรักษาความปลอดภัยจะไม่รับผิดชอบหากเกิดการสูญหายหรือความเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นกับโทรศัพท์มือถือของท่านในขณะที่ฝากไว้กับพนักงานรักษาความปลอดภัย 
  • ท่านไม่สามารถเข้าไปในสถานทูตฯตามที่นัดหมายไว้ หากนำสิ่งของดังต่อไปนี้มาด้วย
  1. อุปกรณ์บรรจุแบตเตอรี่หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ใดๆ เช่น แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ ไดอารี่แบบดิจิตอล วิทยุติดตามตัว กล้องถ่ายรูป ตลับเทป แถบบันทึกวิดิทัศน์  ซีดีรอม เครื่องเล่มเอ็มพีสาม แผ่นดิสก์ คอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้ว หรือเครื่องเล่นเพลงขนาดพกพา
  2. กระเป๋าสะพายหรือกระเป๋าถือสตรีขนาดใหญ่
  3. กระเป๋าถือและกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ กระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่ กระเป๋าใส่เอกสารหรือกระเป๋าเสื้อผ้า ผู้สมัครขอวีซ่าสามารถนำเอกสารที่ใช้ในการขอวีซ่าใส่ถุงหรือกระเป๋าใสเท่านั้น
  4. อาหาร (มีร้านกาแฟและของว่างจำหน่ายภายในสถานทูตฯ)
  5. ซองหรือพัสดุที่ปิดผนึก
  6. บุหรี่ ซิการ์ กล่องไม้ขีด ไฟแช็ค
  7. วัตถุมีคมทุกชนิด เช่น กรรไกร มีดพก หรือตะไบ
  8. อาวุธหรือวัตถุใดๆที่มีสารประกอบระเบิด


รายการสิ่งของที่ไม่ให้นำเข้ามาภายในสถานทูตฯไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่รายการที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้น สิ่งของประเภทอื่นอาจไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาภายในสถานทูตฯด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของพนักงานรักษาความปลอดภัย นอกจากโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง สถานทูตฯไม่รับฝากสิ่งของต้องห้ามที่กล่าวมาข้างต้น ท่านต้องฝากเก็บสิ่งของดังกล่าวไว้ที่อื่นก่อนมาติดต่อสถานทูตฯ

คำถามในวันสัมภาษณ์วีซ่า

มาถึงจุดที่เรียกว่าต้องติวเข้มหนักที่สุดในการทำวีซ่านักเรียนของประเทศอเมริกาก็ว่าได้นั้นก็คือ คำถามในวันสัมภาษณ์วีซ่า เพราะหาก ตอบคำถามให้ตรงจุด แสดงเหตุผลอย่างมีหลักฐาน บอกเลยว่า การขอวีซ่าอเมริกานั้นง่ายขึ้นมาเลย


“หลักการในการตอบคำถามการสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา”

  • แสดงให้เห็นว่าจะกลับไทยแน่นอนที่้ป็นจุดเกี่ยวของกับประเทศไทย เช่น หน้าที่การงาน การศึกษา หรือธุกิจทีทำอยู่
  • เหตุผลที่ไปสมเหตุสมผลแค่ไหน
  • มีแหล่งเงินที่มาที่น่าเชื่อถือ
  • ระดับภาษาได้พอประมาณ

“ไปทำอะไรที่อเมริกา”“ไปเรียนอะไร แล้วไปนานมั้ย”“รู้จักใครที่อเมริการึเปล่า”“จะกลับมาไทยรึเปล่า แล้วกลับมาจะทำอะไร”

เตรียมตัวอะไรบ้างในการนำไปในวันสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาในความเป็นจริงสิงที่ต้องทำการบ้านอย่างหนักก็คือการเรียบเรียบเรื่องราวในชีวิตให้เกี่ยวโยงกันมากที่สุดและแสดงให้เห็นว่า เมื่อเรียนจบแล้วจะกลับมาที่ไทยแน่นอน
 “และการสัมภาษณ์วีซ่านักเรียนส่วนใหญ่จะถูกสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ”
โดยแบ่งง่ายๆเป็นด้านการศึกษา ทำให้เห็นว่าวิชาเรียนที่จะไปเรียนมีความเกี่ยวโยงกับสิ่งที่เรียนจบมา หรือเกี่ยวโยงกับหน้าที่การงาน แต่บางคนอาจจะไม่เกี่ยวอะไรเลย ก็ต้องเตรียมเหตุผลมาประกอบว่าเพราะอะไรทำไมต้องไปเรียน 

ซึ่งผลการเรียนล่าสุด สถาบันเดิม ล้วนมีผลต่อการพิจรณาทั้งสิ้น โดยเตรียม หนังสือรับรองโรงเรียน และ ทรานสคริปเทอมล่าสุดตัวจริง เป็นภาษาอังกฤษ

 ด้านการงานมีผลอย่างมากในการพิจรณาเพราะยิ่งอาชีพ หน้าที่การงานดูหน้าเชื่อถือเท่าไรหรือ อาชีพที่เป็นวิชาชีพก็จะทำให้การพิจรณาผ่านได้ง่ายขึ้นแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถ ความสอดคล้องของเหตุผลของโปรแกรมที่ไปเรียนและความมั่นใจในการตอบคำถาม โดยเตรียมหนังสือรับรองการทำงานหรือหนังสือทะเบียนพาณิชย์ (กรณีเป็นเจ้าของกิจการ)เป็นภาษาอังกฤษ

 ด้านการเงินซึ่งเป็นส่วนสำคัญมากๆส่วนนึงเลยเพราะที่รู้กันดีว่ามีคนไทยจำนวนมากที่มีการแอบทำงานอย่างผิดกฎหมายที่อเมริกา การตรวจสอบเรื่องสถานะการเงินจึงเป็นส่วนสำคัญ 

คือต้องแสดงหลักฐานให้จำนวนเงินครอบคลุมให้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในช่วงเวลาที่จะไปใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาและรวมถึงค่าการศึกษาด้วย โดยนักเรียนบางคนใช้หลักฐานของผู้สนับสนุน เช่น คุณพ่อ คุณแม่ ก็ทำได้ โดยเตรียม สเตทเม้นท์ย้อนหลัง 6 เดือน (ทุกบัญชีที่มีการเคลื่อนไหว) และหลักฐานทางหลักทรัพย์อื่นๆ


 ด้านความรู้ด้านอเมริกาเป็นส่วนที่รู้ไว้อุ่นใจจร้า เพราะบางคนอาจเจอคำถามเกี่ยวกับเมือง

ที่จะไปอยู่หรือว่าคำถามในเชิงว่า “ทำไมถึงเลือกอเมริกาทำไมไม่เลือกปะเทศอื่น” บอกเลยว่าเตรียมไปหน่อยก็ดีนะ เพราะท่านทูตจะได้รู้ว่าเราเตรียมตัวมาจริงๆนะคะ ให้นู๋ผ่านเถอะ!


 เตรียตัวเตรียมใจให้พร้อม ตรวจสอบเอกสารก่อนออกจากบ้าน ศึกษาการเดินทางไปสถานทูต แต่งตัวให้สุภาพ ตอบคำถามอย่างมั่นใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส สาธุ สาธู สาธุ ผ่านแน่นอนคะ เพี้ยง!


ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการทำวีซ่าอเมริกา
ค่าใช้จ่ายในการสมัครวีซ่าอเมริกาแบบ F1 หรือ วีซ่านักเรียน มีค่าใช่จ่ายดังต่อไปนี้

  ค่าธรรมเนียมประเภท B, F, J, M ราคา $160= 4,960 บาท (เลท31)เลทเงินขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในการยื่นวีซ่า

 ค่าธรรมเนียม SEVIS เป็นระบบบนอินเทอร์เน็ตที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงสถานะของผู้ถือวีซ่าประเภท F, M และ J โดยค่าธรรมเนียม SEVIS สำหรับนักเรียนที่มีแบบฟอร์ม I-20 คือ $350 = 10,850 บาท (เลท31)   สำหรับนักเรียนในโครงการแลกเปลี่ยนที่มีแบบฟอร์ม DS-2019 ค่าธรรมเนียม SEVIS คือ $180 = 5,580 บาท (เลท31)


เท่ากับจะใช้ค่าใช้จ่ายประมาน 10,540 – 15,810 บาท (ราคาดังกล่าวไม่รวมค่าขอเอกสารเพิ่มเติมจากธนาคารและค่าส่งเอกสารจากโรงเรียนในต่างประเทศ) 

สรุป

การยื่นขอวีซ่านักเรียนของประเทศอเมริกานั้น อาจมีหลายขั้นตอนและมีการเตรียมเอกสารที่เยอะเยะไปหมด แต่บอกเลยว่าถ้าทำตามขั้นตอนข้างบนนี้ การผ่านวีซ่านักเรียนของประเทศอเมริกาเป็นเรื่องง่ายแน่นอน


แต่ถ้ารู้สึกว่าไม่มั่นใจในการทำวีซ่าเองกลัวทำแล้วมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นก็สามารถติดต่อสอบถามพี่ๆทีมงาน ABROADY เกี่ยวกับช้อมูลการขอยื่นวีซ่าอเมริกาได้เลยคะ หรือถ้าใครมีความต้องการให้ทางทีมงาน ABROADY ยื่นขอวีซ่าให้เราก็มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญให้การบริการทำวีซ่าอเมริกาให้นะคะ โดยคลิ๊กตามลิ้งข้างล่างนี้ได้เลยคะ


พร้อมแล้วสมัครเลย



“เรียนต่อต่างประเทศได้อะไรมากว่าที่คุณคิด รู้แบบนี้แล้ว ไปหาโปรแกรมเรียนกันเลยคะ “


ถ้าพร้อมแล้ว Let’s Go

รู้แบบนี้แล้วรอช้าอยู่ใย รีบตามหาโปรแกรมที่ใช่ ประเทศที่โดน แล้วไปพัฒนาศักยภาพในตัวกันเลยค่ะ พี่ๆ ABROADY ได้แนบลิ้งค์เพื่อให้น้อง ๆ พี่ ๆ ได้เข้าไปเพื่อสามารถเช็ค

โปรแกรม ประเทศ และราคาด้ด้วยตัวเองด้านล่างนี้ พร้อมสามารถกดจองโปรแกรมที่สนใจไว้ได้เลย หากมีข้อสงสัยด้านการไปเรียนต่อต่างประเทศสอบถามทีมงาน ABROADY ได้ตลอดเวลาคะ






คุณชอบบทความนี้

หากอยากรู้สิ่งใหม่ๆเพิ่มเติม คลิก

บทความ เรียนต่อต่างประเทศ

แชร์ :

การสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาได้ชื่อว่าเป็นสนามสอบที่หินมากสนา...

แชร์ :

การสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาได้ชื่อว่าเป็นสนามสอบที่หินมากสนา...

Re view

S__12107787

"

ตอง เรียน MBA ที่ California State University, Los Angeles

เอเจนซี่ที่ใช้คือ abroady ชื่อพี่แนน อันนี้แฟนแนะนำมา สัมรอบ2ผ่านใช้เอเจนฯเดิม แนะนำช่วยเหลือตลอดจนรอรับที่สนามบินที่LA
5/5
Mark

"

มาร์ค เรียน Associate Arts, Music ที่ Santa Monica College

แนะนำโปรแกรมได้ถูกใจและตรงตามงบประมาณที่request รอต้อนรับที่สนามบินLAX ขอบคุณพี่แนนมากๆครับ
5/5
241510055_1478099405900497_3297524323225813503_n

"

ป่าน เรียน ESL ที่ Melbourne Australia

ตอนแรกจะเรียนภาษาแค่6เดือน เรียนสนุกขอเรียนต่ออีก6เดือนโดยไว้ใจให้ ABROADY ดูแลต่อ แนะนำABROADYครับ
5/5
IMG_7300

"

โหน่งเรียน Master of Speech Pathology ที่ University of Canberra

ให้บริการดีมาก เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและช่วยจัดเตรียมเอกสารครบถ้วน ไม่ติดขัดหรือตกหล่น ควรเพิ่มช่องทางในการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่มากขึ้น Line แล้วมีการตอบรับล่าช้าบ้าง
5/5
A4CA12AB-6206-4994-90FA-8BE3F037D872

"

ไอซ์ เรียน ​MBA ที่ California State University, Los Angeles

ดูแลทุกขั้นตอน มารับถึงสนามบิน ให้คำปรึกษาตรงจุดค่ะ
5/5
เรียนอะไรดี
เรียนอะไรดี
เรียนคณะอะไรดี?
เรียนคณะอะไรดี?